สวัสดีค่ะ ผู้ติดตามเว็บหวยใหญ่ทุกท่าน สำหรับท่านใดที่ไม่รู้ว่า หวยมาเลย์ จ่ายยังไง วันนี้แอดจะมาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ อัตราการจ่ายเงินรางวัลของหวยมาเลย์ ทั้งในประเทศมาเลเซีย และในประเทศไทยให้ทุกท่านเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งการเล่นหวยมาเลย์ในทั้งสองประเทศนี้ จะมีราคาจ่ายแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เราไปศึกษาทำความเข้าใจในบทความนี้กันเลย
และสำหรับท่านใดที่ไม่รู้ว่าหวยมาเลย์คืออะไร ท่านสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> หวยมาเลย์คืออะไร <<
หวยมาเลย์ จ่ายยังไง
สำหรับการจ่ายเงินรางวัลของหวยมาเลย์ ก็จะจ่ายตามรูปแบบการเล่นของแต่ละพื้นที่ เนื่องจากว่าในประเทศมาเลเซียนั้นมีรูปแบบการเล่นแตกต่างกับประเทศไทยอยู่พอสมควร ดังนั้น อัตราการจ่ายเงินรางวัลก็จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน และสำหรับวันนี้ แอดจะมาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเงินรางวัลของหวยมาเลย์ทั้งในประเทศไทย และ ในประเทศมาเลเซียให้ท่านเข้าใจกันมากขึ้น ไปทำความเข้าใจพร้อมกัน ในหัวข้อใต้รูปภาพนี้กันเลย
การจ่ายเงินรางวัลหวยมาเลย์ ในประเทศมาเลเซีย
สำหรับการจ่ายเงินรางวัลหวยมาเลย์ ในประเทศที่ทำการออกผลรางวัลก็จะจ่ายตามรูปแบบการเล่น 5 แบบหลักๆ ดังนี้
1. รูปแบบการเล่น แบบใหญ่(Big)
สำหรับรูปแบบการเล่นนี้ เป็นการซื้อเลข 4 ตัวตรงชุดใหญ่ชุดเดียวแต่สามารถตรวจได้ 5 รางวัล ตั้งแต่รางวัลที่ 1-5
ประเภทรางวัล | เงินรางวัล |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่หนึ่ง (A1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 2,000บาท |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สอง (B1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 1,000 บาท |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สาม (C1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 500 บาท |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่ 4 (special) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 250 บาท |
ถ้าผลรางวัลออกตรงรางวัลที่ 5 (consolation) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 75 บาท |
ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขชุดใหญ่ 4793 จำนวน 100 บาท ดังนั้น หากผลของรางวัลที่ 4 มีผลเลข 4793 นั่นหมายความว่า เราก็ถูกรางวัลที่ 4 แบบชุดใหญ่ และจำนวนเงินที่เราจะได้ทั้งหมดก็คือ 100×250 = 25,000 บาท
2. รูปแบบการเล่น แบบเล็ก(small)
สำหรับรูปแบบการเล่นนี้ เป็นการซื้อเลข 4 ตัวตรงชุดเล็ก สามารถตรวจได้ 3 รางวัล ได้แก่รางวัลที่ 1-3
ประเภทรางวัล | เงินรางวัล |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่หนึ่ง (A1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 3,000 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สอง (B1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 2,000 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สาม (C1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 1,000 |
ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขชุดเล็ก 6724 จำนวน 100 บาท หากผลของรางวัลที่ 2 (B1) ออกผลเลข 6724 นั่นหมายความว่า เราถูกรางวัลที่สองแบบชุดเล็ก จำนวนเงินที่เราจะได้ทั้งหมดก็คือ 100×2,000 = 200,000 บาท
3. รูปแบบ 4 ตัวตรง มี 3 รางวัล
คือการซื้อเลข 4 ตัวแบบเจาะจงตำแหน่งและตัวเลข รวมถึงรางวัลที่ซื้อ ว่าเลข 4 ตัวที่เราซื้อนั้น ต้องการนำไปลุ้นรางวัล A1, B1 หรือ C1 และการตรวจผลรางวัลจะอิงจากเลขทั้งหมด 4 ตัวของรางวัลที่ซื้อ หากซื้อรางวัลไหน ก็ตรวจผลรางวัลนั้นค่ะ
ประเภทรางวัล | เงินรางวัล |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลหนึ่ง (A1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 4,500 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สอง (B1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 4,500 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สาม (C1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 4,500 |
ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขสี่ตัวตรง 3551 ในรางวัล A1 จำนวน 100 บาท ดังนั้น หากผลของรางวัลที่ 1 (A1) ออกผลเลข 3551 นั่นหมายความว่าเราก็ถูกเลขสี่ตัวตรงของรางวัลที่1 และจำนวนเงินที่จะได้ทั้งหมดคือ 100×4,500 = 450,000 บาท
4. รูปแบบ 3 ตัวตรง มี 3 รางวัล
สำหรับการเล่น 3 ตัวตรง คือการซื้อเลข 3 ตัวแบบเจาะจงตำแหน่งและตัวเลข รวมถึงต้องเจาะจงรางวัลที่ซื้อด้วย ผลรางวัล จะอิงจากเลขท้ายสามตัวของรางวัล A1, B1 หรือ C1
ดังนั้น เวลาซื้อเลข 3 ตัวตรงจึงต้องกำหนดด้วยว่าจะซื้อเลขในรางวัลไหน เช่น ซื้อในรางวัลที่ 1 /รางวัลที่ 2 หรือรางวัลที่ 3
ประเภทรางวัล | เงินรางวัล |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่หนึ่ง (A1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 600 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สอง (B1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 600 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สาม (C1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 600 |
ตัวอย่างเช่น ซื้อเลข 551 ในรางวัล A1 จำนวน 100 บาท ดังนั้น หากผลการออกรางวัลเลขท้ายสามตัวของ A1 ออกผล 3551 นั่นหมายความว่า เราก็ถูกรางวัล 3 ตัวตรง และจำนวนเงินรางวัลที่เราจะได้ทั้งหมดก็คือ 100×600 = 60,000 บาท
5. รูปแบบ 2 ตัวตรง มี 3 รางวัล
การเล่น 2 ตัวตรง คือ การซื้อเลขสองตัว แบบเจาะจงตำแหน่งและตัวเลข รวมถึงต้องเจาะจงรางวัลที่ซื้อด้วย โดยผลจะอิงจากเลขท้ายสองตัวของรางวัล A1, B1 หรือ C1
ดังนั้นเวลาซื้อเลข 2 ตัวตรงจึงต้องกำหนดด้วยว่าจะซื้อเลขในรางวัลที่ 1, รางวัลที่ 2 หรือ รางวัลที่ 3
ประเภทรางวัล | เงินรางวัล |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลหนึ่ง (A1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 70 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สอง (B1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 70 |
ถ้าผลรางวัล ออกตรงรางวัลที่สาม (C1) | ซื้อ 1 บาท จะได้เงินรางวัล 70 |
ตัวอย่างเช่น ซื้อเลข 24 ในรางวัล B1 จำนวน 100 บาท ดังนั้น หากผลการออกรางวัล B1 ออกผลเลข 6724 นั่นหมายความว่า เราก็ถูกรางวัล 2 ตัวตรง และจำนวนเงินรางวัลที่เราจะได้ทั้งหมดก็คือ 100×70 = 7,000 บาท
การจ่ายเงินรางวัลหวยมาเลย์ ในประเทศไทย
สำหรับการจ่ายเงินรางวัลหวยมาเลย์ในประเทศไทย ก็จะจ่ายตามรูปแบบการเล่น 6 แบบ โดยในแต่ละแบบจะมีราคาจ่ายแตกต่างกันดังนี้
1. สามตัวบน (อัตราจ่ายบาทละ 750 )
คือ การซื้อเลข 3 ตัวแบบเจาะจงตำแหน่งตัวเลข และผลการออกรางวัล จะอิงผลจากเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่1 (A1 )
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขสามตัว 551 จำนวนเงิน 100 บาท หากผลการออกรางวัลเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 ออกเลข 551 นั่นหมายความว่า เราถูกรางวัลสามตัวบน และเราจะได้เงินรางวัลทั้งหมดเท่ากับ 100×750 = 75,000 บาท
2. สามตัวโต๊ด (อัตราจ่ายบาทละ 120)
คือ การซื้อเลข 3 ตัวแบบไม่เจาะจงตำแหน่งตัวเลข โดยจะอิงผลการออกรางวัลจากเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 ซึ่งตัวเลขทั้ง 3 ตัวนั้น สามารถออกสลับตำแหน่งกันได้
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขสามตัว 551 จำนวนเงิน 100 บาท หากผลการออกรางวัลเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 ออกเลข (551), (515), (155) แบบใดแบบหนึ่งในทั้ง 3 แบบนี้ นั่นหมายความว่า เราถูกรางวัลสามตัวโต๊ด และเราจะได้เงินรางวัล ทั้งหมดเท่ากับ 100×120 = 12,000 บาท
3. สองตัวบน (อัตราจ่ายบาทละ 90)
คือการซื้อหวย 2 ตัวแบบเจาะจงตัวเลขและตำแหน่ง โดยจะอิงผลรางวัลจากเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 1 (A1)
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขสองตัวบนเลข 51 จำนวนเงิน 100 บาท หากผลการออกรางวัลเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 1 ออกเลข 51 นั่นหมายความว่า เราถูกรางวัลสองตัวบน และเราจะได้เงินรางวัลทั้งหมดเท่ากับ 100×90 = 9,000 บาท
4. สองตัวล่าง (อัตราจ่ายบาทละ 90)
คือการซื้อเลข 2 ตัว แบบเจาะจงตัวเลขและตำแหน่ง โดยจะอิงผลรางวัลจากเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 2 (B1)
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขสองตัวล่าง เลข 24 จำนวนเงิน 100 บาท ถ้าผลการออกรางวัลเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 2 (B1)
ออกผลมาเป็นเลข 24 นั่นหมายความว่า เราถูกรางวัลเลขสองตัวล่าง และเราจะได้เงินรางวัลทั้งหมด
เท่ากับ 100×90 = 9,000 บาท
5. เลขวิ่งบน (อัตราจ่ายบาทละ 3.2)
คือการซื้อเลข 1 ตัว แบบไม่เจาะจงตำแหน่งตัวเลข โดยจะอิงผลการออกรางวัล จากเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 (A1)
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขวิ่งบน 1 ตัว คือเลข 1 จำนวนเงิน 100 บาทถ้าผลการออกรางวัลเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 (A1 ) ออกผลมาเป็นเลข (551) (โดยที่เลข 1 อยู่ตำแหน่งใดก็ได้) นั่นหมายความว่าเราถูกรางวัลเลขวิ่งบน และเราจะได้เงินรางวัลทั้งหมดเท่ากับ 100×3.2 = 320 บาท
6. เลขวิ่งล่าง (อัตราจ่ายบาทละ 4.2)
คือการซื้อเลข 1 ตัว แบบไม่เจาะจงตำแหน่งตัวเลข โดยจะอิงผลการออกรางวัลจากเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 2 (B1)
- ตัวอย่างเช่น ซื้อเลขวิ่งล่าง 1 ตัว คือเลข 2 จำนวนเงิน 100 บาทถ้าผลการออกรางวัลเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่ 2 (B1) ออกมาเป็นเลข (24) (โดยที่เลข 2 อยู่ตำแหน่งใดก็ได้) นั่นหมายความว่าเราถูกรางวัลเลขวิ่งล่าง และเราจะได้เงินรางวัลทั้งหมดเท่ากับ 100×4.2 = 420 บาท
และสำหรับการดูผลรางวัลของหวยมาเลย์ ท่านสามารถดูได้ง่ายๆ ตามรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ
ทิ้งท้าย หวยมาเลย์ จ่ายยังไง
สำหรับการจ่ายเงินรางวัลหวยมาเลย์ในประเทศมาเลย์ และ ประเทศไทยค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันมาก เพราะทั้งสองประเทศนี้ กำหนดอัตราจ่ายตามรูปแบบการเล่น โดยรูปแบบการเล่นของทั้งสองประเทศก็แตกต่างกัน จึงทำให้ราคาจ่ายแตกต่างกันนั่นเอง และนอกจากนี้หากท่านใดอยากเรียนรู้วิธีเล่นหวยชนิดนี้ แอดแนะนำให้เข้าไปศึกษาวิธีเล่นได้จากบทความ >> วิธีเล่นหวยมาเลย์ << หากครั้งหน้ามีข้อมูลที่น่าสนใจเข้ามาใหม่ แอดจะรีบมาอัปเดตทันที สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ